RSS

Category Archives: ธุรกิจกาแฟ

ธุรกิจกาแฟที่มีชื่อเสียง

 

บ้านไร่กาแฟ

ประวัติการก่อตั้งธุรกิจบ้านใร่กาแฟ

                  เมื่อปี ๓๘ – ๔๐ ได้พบกาแฟรูปแบบชาวบ้านตั้งซุ้ม โต๊ะ ในปั๊มตามเส้นเดินทางทั่วประเทศ ในลักษณะคั่วชงซึ่งมี จุดเด่นในรสชาติ และวิธีการในการนำเสนอ คือ ในขณะชงจะเห็นกรรมวิธีขั้นตอน และ ลีลาการชงกาแฟของชาวบ้านดูมีศิลปะ เพิ่มคุณค่าให้กาแฟในแก้วนั้น ๆ ซึ่งมีวิธีการปรุงแก้วต่อแก้ว ตักกาแฟคั่วใหม่จากโหลที่ปิดฝาสนิทบดสด ๆ ชงสด ๆ (อันเป็นที่มาของคำว่า กาแฟสด ) และอยู่ตามเส้นเดินทาง จึงนำแนวทางของชาวบ้านมานำเสนอในรูปแบบของบ้านใร่กาแฟ คือ เพิ่มอาคารกาแฟ จัดการความสะอาด ความสะดวกสบาย สร้างระบบธุรกิจ เพิ่ม แนวทางคิดทางสถาปัตยกรรม เป็นอาคารทรงไทยโมเดิร์น จัดภูมิทัศน์โดยรอบเพื่อให้เป็นกาแฟไทยอย่างมืออาชีพ โดยพัฒนาความคิดภายใต้แนวคิดที่ว่า สวนแห่งการดื่มกาแฟ เริ่มธุรกิจกาแฟ สาขาแรกเมื่อ ๒๑ ธ.ค ๒๕๔๐ ในช่วงเริ่มได้นำสิ่งที่พบเห็นมาพัฒนาแนวคิด มาพัฒนาเป็นรูปแบบของ “บ้านใร่กาแฟ” โดยเน้นเอกลักษณ์ของความเป็น กาแฟไทยคุณภาพสดจากใร่ ซึ่งเริ่มจากการพัฒนารูปแบบในการนำเสนอ ภายใต้ความเชื่อที่ว่านักดื่มกาแฟ หรือคอกาแฟย่อม ต้องการกาแฟ คุณภาพและต้องมีสุนทรียภาพ จึงเห็นว่า นำในลักษณะ บ้านและกาแฟสำหรับเส้นทางของนักเดินทางทาง ซึ่งจัดเป็นกลุ่มลูกค้าหรือตลาดที่น่าสนใจ ด้วยความเป็นมา จากสิ่งที่พบเห็นของ ของสังคมไทย ภูมิปัญญาของชาวบ้านไทย จึงได้ตั้งชื่อ ให้เป็นชนบทของไทยชื่อ “บ้านใร่กาแฟอปี ๓๘ – ๔๐ ได้พบกาแฟรูปแบบ

                    ธุรกิจ “บ้านใร่กาแฟ” เริ่มจากการใช้ตัวอาคาร ทรงสูงสง่า เป็นสื่อถึงสินค้าคุณภาพ ด้วยการนำแนวคิดด้าน สถาปัตยกรรมไทยมาพัฒนาให้กลมกลืนกับสินค้าคือกาแฟไทยสดจากใร่ โดยมีลักษณะเป็นตัวอาคารไม้ทั้งหลังทรงสูง รูปจั่วสามเหลี่ยมไม้ ตัดมุมกันคาดทับด้วยขื่อ มองดูคล้ายจั่วของบ้านซึ่งสะท้อนความเป็นไทยและโลกตะวันออก นอกจากนี้ในส่วนของภายในอาคารกรุผนังด้วยไม้เนื้ออ่อนสีขาวอมเหลือง ประดับด้วยรูปภาพครอบครัว พี่น้อง นิทานเรื่องเล่าต่าง ๆ และใช้แสงไฟสีเหลืองออกส้ม ให้ความรู้สึกอบอุ่นของบ้าน ที่พร้อมจะต้อนรับลูกค้า (แขกผู้มา เยือน)ส่วนภายนอกได้ใช้ความคิดเชิงสถาปัตยกรรมออกแบบ ให้มีน้ำไหลเป็นทางผ่านผนังกระจกใสมองเห็น ได้จากภายใน ภายนอกมีเฉลียงไม้พร้อมม้านั่งยาว ใต้ร่มประดู่กิ่งอ่อน (ประดู่อังสนา) ให้บรรยากาศร่มรื่น และพลับพลึง ที่ปลูก อยู่รอบอาคาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการตอบสนองสุนทรียภาพของคอกาแฟ ในส่วนของวัตถุดิบ ทางบริษัทฯ ผลิตกาแฟเครื่องดื่มซึ่งเป็นสินค้าหลักของ “บ้านใร่กาแฟ” ซึ่งเป็นผลผลิตที่มาจากใร่บน ดอยสูงของภาคเหนือ ( ดอยตั้งแต่ จังหวัดเชียงใหม่ขึ้นไป ต้องมีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล ๘๐๐ เมตร ) เป็นกาแฟสด คุณภาพแห่งหนึ่งของโลก มาทำการคั่ว ( จาก อ. หนองแซง จ.สระบุรี ) โดยใช้เวลาและอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดรสและกลิ่นที่แตกต่างกันไปภายใต้ชื่อที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย 

                    – เอเซีย บอรก เบลนด์ 
                    –  บ้านใร่ บอรก เบลนด์   
                    –  บางกอก บอรก เบลนด์
                    – ไทยปักษ์ใต้ บอรก เบลนด์ 

                 กาแฟถูกบรรจุลงในถุงขนาดเล็ก (๒๕๐ กรัม ) เพื่อให้ใช้หมดในเวลาอันสั้นและหมุนเวียนเปลี่ยนทุก ๑๕ วัน ทำให้สดหอมยิ่ง ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกเพื่อนำเมล็ดกาแฟมาบดและชงแก้วต่อแก้ว     พร้อมเสิร์ฟด้วยแก้วดินเผา(จาก อ. หินกอง จ.สระบุรี) ที่ผ่านการต้มเพื่อให้คุณสมบัติในการเก็บความร้อน   ซึ่งจะส่งผลในการรักษารสชาติและความหอมของกาแฟได้ดียิ่งขึ้น กล่าวโดยสรุป จะเห็นได้ว่ากระบวนการทั้งหมดของธุรกิจ “บ้านใร่กาแฟ” ล้วนเกิดมาจากผลงานของคนไทยทั้งสิ้นไม่ว่าจะ เป็นแนวคิด ในด้านการออกแบบนำเสนอในเรื่องของตัวอาคาร   ผลผลิตที่เป็นกาแฟคุณภาพของไทย กระบวนและขั้นตอนในการแปรรูปวัตถุดิบให้เป็นกาแฟคุณภาพ ชื่อยี่ห้อไทย   รวมทั้งแรงจูงใจจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่เป็น จุดกำเนิดของธุรกิจบ้านใร่กาแฟซึ่ง บริษัท ออกแบบใร่นา  (ประเทศไทย) จำกัด ที่จะดำเนินและพัฒนาธุรกิจกาแฟของไทยให้ สู่ระดับมาตรฐานสากล ภายใต้คำว่า “บ้านใร่ไทยแท้ๆ” (BANRIE THAI STYLE)

การเปรียบเทียบต่อคู่ค้ากาแฟ
1. เน้นคุณภาพ โดยเปลี่ยนกาแฟใหม่ทุก ๑๕ วัน (ทั่วไปคือ ๒๘ วันถึง ๑๐ เดือน)
2. บริษัทคั่วกาแฟและมีสิทธิบัตรสูตรของกาแฟ กาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ รูปแบบของชื่อชนิดกาแฟคือ เอเซียเบลนด์ ไทยเบลนด์ บ้านใร่เบลนด์ คอฟฟี่เอฟเบลนด์ สยามเบลนด์ และบางกอกเบลนด์
3. ลักษณะอาคารสาขา มีรูปแบบเดียวกัน มีลิขสิทธิ์ที่ชื่ออาคารออกแบบใร่นา และอาคารบ้านใร่เพียวลม (แบบสถาปัตยกรรม)
4. สวนกาแฟ มีลิขสิทธิ์ชื่อ สวนแห่งการดื่มกาแฟ (แบบภูมิสถาปัตยกรรม) บ้านใร่เพิ่มพื้นที่ภายนอกให้เป็น ส่วนกึ่งสาธารณะเป็นที่สำหรับพักผ่อนและใช้กิจกรรมในแนวคิดสวนกาแฟ (จะกล่าวในตอนท้ายในเรื่องจินตภาพ )
5. ให้บรรจุภัณฑ์มีความแตกต่าง
             1. เครื่องดื่มร้อน ใช้แก้วดินเผา ต้มร้อน พร้อมเสิร์ฟให้ขึ้นรถได้ทันที ทำให้หอมไอกาแฟ ด้วยความร้อนจาก  แก้ว ที่ทำให้ระเหยไอกาแฟมากขึ้น และกาแฟร้อนนานขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของบ้านใร่กาแฟ (ปัจจุบันเป็นแบบที่ ๒๓)
            2.  เครื่องดื่มเย็น บรรจุในแก้ว ๒๒ ออนซ์ ที่มีเรื่องเล่านิทาน คำกลอนอีกด้านเป็น ภาพลายเส้น รูปภาพ      สะท้อนความเป็นไทย เปลี่ยนรูปแบบ เรื่องเล่า ลวดลายสีสัน ทุก ๑๕ วัน (ปัจจุบันเป็นแบบที่ ๑๕)

สินค้าบ้านไร่กาแฟ  กาแฟที่บ้านใร่กาแฟใช้มี   ๒ สายพันธุ์ คือ
            ๑.พันธ์อาราบิก้า
                  กาแฟพันธ์อาราบิก้าซึ่งมีคุณสมบัติคือปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น หรือทางภาคเหนือของประเทศไทยตั้งแต่พิษณุโลกขึ้นไป ปัจจุบันรับมาจากโครงการหลวง จ.เชียงใหม่ ซึ่งปลูกในพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเล ๘๐๐ เมตร พื้นที่ที่เป็นดอยต่าง ๆ คุณสมบัติที่เด่นคือรสชาติขมชุ่มคอ ไม่เปรี้ยวนิยมทำเป็นกาแฟสด ,   แต่มีราคาต้นทุนค่อนข้างสูงกว่าโรบัสต้า ผลผลิตจะเก็บเกี่ยวได้จำนวนไม่มาก ไม่มีความทนทานต่อความผันแปลของอากาศ   แต่รสชาติดี โดยสรุปกาแฟทั่วโลกที่มีอยู่ ๕๐ กว่าสายพันธ์แต่ที่นิยมปลูกในแถบทวีปเอเชียคือพันธุ์อาราบิก้า และโรบัสต้า   
             ๒.กาแฟพันธ์โรบัสต้า
                   กาแฟพันธ์โรบัสต้า ปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนชื้นในประเทศไทยก็คือภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ปัจจุบันใช้วัตถุดิบจากบ้านทุ่งคา จังหวัดชุมพร เติบโตได้ดีในอากาศร้อนชื้น  ผลผลิตส่วนใหญ่นิยมใช้ทำกาแฟสำเร็จรูปหรือกาแฟกระป๋อง คุณสมบัติที่เด่น คือรสชาติและกลิ่นจะมีความเปรี้ยว ไม่ค่อยนิยมใช้ทำกาแฟสด ด้วยคุณสมบัติที่เด่น ทำให้มีราคาที่ตกต่ำ เกษตรกรใช้เวลาปลูกและเก็บผลผลิตได้ต้องใช้ระยะเวลาถึง ๓ ปี จึงเก็บผลผลิตได้แต่ไม่เป็นที่นิยมบริโภค แต่โรงกาแฟกระป๋องมีความต้องการ  แต่ในการรับซื้อจะมีราคาค่อนข้างต่ำ  จึงมีผลกระทบต่อเกษตรกร ไม่มีแรงบันดาลใจในการปลูกและเก็บผลผลิต เกษตรกรจึงจำเป็นต้องตัดต้นกาแฟทิ้งเพราะไม่ได้ราคาที่ต้องการ และ ไม่นิยมปลูกเนื่องจากหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอย่างเช่น ยางพารา   ที่มีราคาดีกว่า บ้านใร่กาแฟเล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ก็เกิดแนวคิดในการช่วยเหลือและผลักดันกาแฟไทย ให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป และเกิดการแพร่หลายในกลุ่มผู้บริโภค กลุ่มลูกค้าบ้านใร่กาแฟที่มีอยู่เดิม โดยนำวัตถุดิบจากบ้านทุ่งคา จ.ชุมพร มาทำวิธีการสีแบบเปียก ซึ่งเป็นโครงการของบ้านใร่กาแฟ (โครงการออกแบบไร่นาประเทศไทย)   ร่วมกับกลุ่มเกษตรกรภาคใต้ จ.ชุมพร โดยบุคลากรบ้านใร่กาแฟที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องของการผลิตสารกาแฟแบบเปียก   ก่อนจะนำมาคั่วที่โรงคั่วของบ้านใร่กาแฟและให้ราคาของเมล็ดกาแฟในราคาที่สูงกว่าที่เกษตรกรส่งให้กับโรงงานกาแฟกระป๋อง นอกจากนี้ยังช่วยเหลือในการซื้อต้นกาแฟโรบัสต้ามาปลูกที่สาขาบ้านใร่กาแฟ ทุกสาขาเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของคำว่า “สวนกาแฟ” และตั้งชื่อหรือเบลนด์ว่า ไทยปักษ์ใต้เอสเพรสโซ่  บอรก  จำหน่ายเป็นเมนูหลักของบ้านไร่กาแฟ

การคั่วกาแฟ
                   ทฤษฎีการคั่วบ้านใร่กาแฟคือ ลักษณะการคั่วหรือวิถีการคั่วของบ้านใร่กาแฟ ลักษณะของการคั่วเริ่มจากนำเมล็ดกาแฟดิบ ๓๐ – ๔๐ กิโลกรัม ใส่หม้อคั่วและทำการคั่วโดยใช้เวลาและความร้อนในการกำเนิด และไม่ใส่ส่วนผสมในการปรับรสและกลิ่นของวัตถุดิบ เพื่อคงความเป็นรสชาติกาแฟ ๑๐๐ %  และกำหนดให้มีความแตกต่างกันในเรื่องของความขมให้เป็น ๓ ระดับ โดยกำหนดเวลาในการคั่วที่ต่างกัน

กาแฟดอยช้าง

                 กาแฟดอยช้าง เป็นผลผลิตของเกษตรกรชาวไทยภูเขาบนดอยช้าง ณ หมู่บ้านดอยช้าง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ซึ่งแต่เดิมอาชีพหลักของชาวบ้านคือ การปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอย จนกระทั่งปี 2526 พี่น้องบนดอยช้างพร้อมใจกันเลิกปลูกฝิ่น เนื่องด้วยพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ทรงสนับสนุนให้ปลูกกาแฟพันธุ์อราบิก้าและพืชเมืองหนาวอื่นๆทดแทนโดยผ่านทางโครงการต่างๆ
                 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อกันแล้วละครับ เพราะกระบวนการผลิตกาแฟทั้งระบบของดอยช้างตั้งแต่าปลูก เก็บเกี่ยว เลือกสรร คั่ว บด และบรรจุภัณฑ์ เป็นธุรกิจของพี่น้องชาวอาข่าทั้งหมด ที่สำคัญรสชาติของกาแฟดอยช้างที่ผ่านการพัฒนามาหลายรุ่นนั้น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริง ๆทั้งกลิ่นหอมอันยั่วยวนและอรรถรสที่โดดเด่น ชิมแล้วทราบทันทีว่านี่คือ กาแฟสดจากยอดดอยช้าง ขุนเขาที่สูงสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร

ความเป็นมา

  • พ.ศ. 2526  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวไทยภูเขา โดยทรงริเริ่มโครงการตามพระราชดำริ ทรงพระราชทานพันธุ์พืช มาทดแทนและลดการปลูกฝิ่น
  • เริ่มต้นปลูกกาแฟ  แต่มีปัญหาที่ผลผลิต จำหน่ายได้ในราคาต่ำ พ่อค้าคนกลางกดราคามาก ไม่ได้รับความเป็นธรรม
  • พัฒนาคุณภาพกาแฟ และผลิตเพื่อส่งออก จนได้รับการยอมรับระดับโลก
  • ซื้อเครื่องคั่ว ราคา 17 ล้านบาทจากอิตาลี  เพื่อการคั่วกาแฟที่ได้มาตรฐานทุกห่อ ทุกซอง  เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของผู้บริโภค
  • พ.ศ. 2540 ร่วมทุนกับประเทศแคนาดา เพื่อเปิดโรงงานคั่วกาแฟที่ประเทศแคนาดาพร้อมเป็นประตูส่งออกกาแฟอราบิก้าชั้นเยี่ยมของไทย สู่คอกาแฟในประเทศอเมริกาเหนือ และยุโรป
  • ในแคนาดา มีร้านจำหน่ายกาแฟดอยช้าง ในแวนคูเวอร์กว่า 100 ร้านค้า
  • พ.ศ. 2550 ร่วมทุนกับประเทศเกาหลี  เพื่อขยายตลาดสู่เอเชีย
  • กาแฟดอยช้าง  ส่งออก 95% และจำหน่ายในประเทศ 5%
  • พ.ศ. 2551 บริษัท ดอยช้าง เทรดดิ้ง จำกัด ถือกำเนิดขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคคนไทย  ได้มีโอกาสดื่มกาแฟของคนไทย ที่มีคุณภาพและได้รับการยอมรับระดับโลก และเป็นที่กล่าวขานสำหรับคอกาแฟ

9 เหตุผลที่ทำให้กาแฟดอยช้าง เด่นและดัง

  • เป็นกาแฟอราบิก้า 100% สายพันธุ์พิเศษ (Specialty Coffee)
  • เป็นเมล็ดกาแฟแบบ Strickly Hard Bean (SHB) ซึ่งเติบโตอย่างช้า ๆ แต่สามารถสะสมอาหารได้อย่างเต็มที่ ทำให้เมล็ดมีความหนาแน่นสูง
  • เป็นกาแฟที่เพาะปลูกบนพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุด สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร และเป็นพื้นที่เดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก   (Single Origin Coffee)
  • เป็นกาแฟที่พิถีพิถันทุกขั้นตอนการผลิต เก็บเมล็ดสุกด้วยมือทีละเมล็ด
  • เป็นกาแฟที่มีรสชาติกลมกล่อม ประทับใจ มีกลิ่นดอกไม้ และมีรสชาติกรดอ่อน ๆ หอมกลิ่นผลกาแฟ เนื่องจากพื้นที่ในการปลูกมีการปลูกพืชเมืองหนาว เช่น ท้อ บ๊วย สลับกัน
  • เป็นกาแฟที่คั่วด้วยเครื่องจักรทันสมัยจากอิตาลี ควบคุมด้วยระบบ คอมพิวเตอร์ทั้งหมด จึงควบคุมคุณภาพ  การคั่วที่ได้มาตรฐานทุกถุง
  • เป็นกาแฟที่จำหน่ายและมีชื่อเสียงโด่งดังในหลายประเทศ เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย อิตาลี ญี่ปุ่น อเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน เกาหลี ฯลฯ
  • เป็นกาแฟที่บรรจุถุงฟอยล์คุณภาพสูง มีวาล์วระบายอากาศแบบทางเดียว ทำให้อากาศภายในออกได้ และป้องกันอากาศภายนอกเข้ามาในถุง ทำให้กาแฟคงความสดใหม่เสมอ
  • เป็นกาแฟที่ใช้การทำกาแฟเมล็ดด้วยวิธีเปียก (Wet Process) ทำให้ได้กาแฟเมล็ดที่มีคุณภาพด้านกลิ่นและรสชาติที่จัดว่าเป็นกาแฟชั้นคุณภาพดี
 

มาตรฐานการจัดการร้านกาแฟ

 

1.เรื่องของความสะอาด
         การเปิดร้านกาแฟ ก็ไม่แตกต่างจากการเปิดร้านอาหารสักเท่าใดนัก เพียงแต่เราย่อส่วนลงมาเท่านั้นเอง ฉะนั้นความสะอาดก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง
          – เริ่มตั้งแต่ เคาน์เตอร์ชงกาแฟ ควรหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ ทำไปเช็ดไปดีที่สุด ถ้วยตวง และอุปกรณ์การชง จะต้องล้างทำความสะอาดทุกครั้งหลังจากชงเครื่องดื่มเสร็จ 
         –  เหยือกตีฟองนม ควรมี 2 ใบ ใบแรก สำหรับเทน้ำนมเพื่อตีฟองนม ทำเมนูคาปูชิโน เมื่อตีฟองนมเสร็จแล้ว ให้ถ่ายน้ำนมที่เหลือจากการตีไปไว้ในเหยือกตีฟองนมใบที่สอง แล้วนำไปล้างทำความสะอาดแช่ตู้เย็นไว้ เพื่อพร้อมที่จะใช้ในการตีฟองนมครั้งต่อไป สำหรับใบที่สอง มีไว้สำหรับเก็บน้ำนมที่ผ่านการสตีมฟองนมแล้ว จะนำกลับมาสตีมฟองนมได้อีกเพียง1-2ครั้งเท่านั้น
         – ผ้าขี้ริ้วสำคัญมากควรใช้น้ำยาซักผ้าขาวแช่และซักทำความสะอาดทุกวัน  
         – เตาปิ้งขนมปัง และตู้เย็น รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ภายในร้าน ควรหมั่นเช็ดทำความสะอาด ไม่ให้มีคราบเศษอาหารหลงเหลืออยู่

2.เรื่องการบริหารจัดการ
        
หากร้านกาแฟใดมีการบริหารจัดการที่ดี โอกาสอยู่รอดและทำกำไรได้สูงก็มีมากตามไปด้วย มีเรื่องอะไรบ้างที่   เราควรจะจัดการ 

        – สต๊อกสินค้า ควรมีการตรวจนับทุกสัปดาห์ และทำลิสต์สั่งซื้อสินค้าทุกสัปดาห์ จะได้ไม่ต้องปวดหัวกับการซื้อของเข้าร้านทุกวัน 
        – การทำบัญชี หากร้านใดมีเครื่องแคชเชียร์ หรือที่เรียกว่า เครื่องคิดเงินนั่นเอง ควรศึกษาวิธีการใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะเครื่องคิดเงินเหล่านี้จะสามารถช่วยเราวิเคราะห์ยอดขายเบื้องต้นได้ และควรมีการลงบัญชีรายรับ-รายจ่ายประจำร้าน
        – การจัดเก็บสินค้า ควรบริหารแบบ FIFO (First In First Out) สินค้าใดซื้อมาก่อนก็ควรนำมาใช้ก่อน เรียงสินค้าที่ซื้อมาใหม่ไว้ด้านล่างเสมอ จะได้ใช้สินค้าอย่างทั่วถึง และสินค้าไม่หมดอายุก่อนที่เราจะนำมาใช้ โดยเฉพาะกาแฟถ้าเราเก็บไว้นานๆคุณภาพก็จะด้อยลง

3.เรื่องการบริการ
       ด้วยการแข่งขันของ ธุรกิจร้านกาแฟ ที่รุนแรงในปัจจุบัน นอกเหนือจากการแข่งขันกันที่ รสชาติเครื่องดื่ม, เมนูเครื่องดื่ม ที่หลากหลาย, การตกแต่งร้านที่สวยงาม, การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ให้ส่วนลด แลก แจก แถม แล้วนั้น การมีบริการก็เป็นส่วนเติมเต็มที่เป็นสเน่ห์ให้ ร้านกาแฟ เล็กๆ ของพวกเราเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าได้เช่นกันการบริการที่ดีอาทิ เช่น พนักงานขายกาแฟ หรือ บาริสต้า ควรจะมีกิริยามารยาทเรียบร้อย สุภาพ คุยสนุกสนาน มีปฏิภาณไหวพริมที่ดีในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า 
       เจ้าของร้าน ก็มีส่วนช่วยส่งเสริมให้ร้านกาแฟมีสเน่ห์เพิ่มมากขึ้น หากเจ้าของร้านเอาใจใส่ ทักทายลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาแต่ควรระวังอย่าจุ้นจ้านจนเกินงาม 
       บริการเสริมอื่นๆภายในร้านเช่นอินเตอร์เน็ทเล่นเกมส์

4.เรื่องการแต่งกายชุดฟอร์ม
       
หากกล่าวถึงมาตรฐาน แล้วไม่พูดถึงเรื่องเครื่องแต่งกายของพนักงานขายกาแฟ หรือ บาริสต้า ของเราก็คงจะขาดอะไรไปสักอย่าง ร้านกาแฟ ไม่ว่าจะมีขนาดเล็ก หรือ ใหญ่ก็ตาม ควรมีชุดฟอร์มประจำร้าน เพื่อเป็นการตอกย้ำชื่อร้านและทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าได้เครื่องดื่มจากบาริสต้าตัวจริง

5.รสชาติเครื่องดื่ม 
          การชงกาแฟ เป็นศิลปะแขนงหนึ่ง ที่ใช้ความสามารถและความชำนาญส่วนบุคคลในการทำเครื่องดื่มแต่ละแก้ว ธุรกิจกาแฟจึงมีสเน่ห์เย้ายวนให้น่าลงทุนอยู่เสมอ แต่เราจะจัดการกับมาตรฐานด้านรสชาติได้อย่างไร ให้ใกล้เคียงกันมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นบาริสต้าคนใดในร้านเรามาชงก็ตาม
          เคล็ดลับง่ายๆ คือ ควรมีอุปกรณ์ชั่วตวงวัดที่ได้มาตรฐาน เช่น ถ้วยตวง, ช้อนตวงขนาดต่างๆ, หรือเลือกซื้อแฟรนไชส์ที่มีบริการแพ็คกาแฟให้ง่ายต่อการชง คือ 1 ซอง ต่อ 1 แก้ว ก็จะได้ประโยชน์ถึงสองทาง คือ มาตรฐานด้านการชงและมาตรฐานด้านการบริหารจัดการสต็อกสินค้า 
          นอกจากอุปกรณ์ชั่ง ตวงวัด ต่างๆ แล้ว การควบคุมอุณหภูมิก็มีส่วนสำคัญ ควรมีเทอร์โมมิเตอร์คุมอุณหภูมิการตีฟองนมเสมอ ระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 60 องศาเซลเซีนส หรือ 140 องศาฟาเรนท์ไฮน์

 

เทคนิคการทำร้านกาแฟให้รวย

 

  

             1. ทำเลทอง ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากพอสมควร ถ้าได้ทำเลที่ดีๆมีผู้คนพลุกพล่านสัญจรไปมาตลอดเวลา และมีกำลังซื้อสูงถือว่าร้านกาแฟสดของท่านโชคดีเกินครึ่งแล้ว กรณีที่ทำเลไม่ค่อยดีเท่าไร ท่านอาจจะเหนื่อยหน่อยในการหากลยุทธ์เทคนิคต่างๆมาโปรโมทร้าน เพื่อดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการมากๆและต่อเนื่อง ซึ่งต้องมีจุดเด่นๆที่ไม่มีใครเหมือน
             2. ดูแลร้านกาแฟสดของท่านให้โดดเด่นอยู่เสมอ ไม่นานความสำเร็จมาเยือนอย่างแน่นอน นอกจากนี้การไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ถือเป็นกลยุทธ์และเทคนิคสู่ความสำเร็จได้เร็วขึ้น คิดหากลยุทธ์ใหม่ๆที่โดนใจลูกค้า หมั่นพัฒนาและตรวจสอบประเมินผลผู้ที่จะดูแลร้านกาแฟของคุณได้ดีที่สุด ก็คือตัวคุณเอง แม้ว่าคุณจะจ้างพนักงานขาย คุณก็ควรแบ่งเวลาเข้าร้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นให้พนักงานมีความกระตือรือร้นในการขายอยู่ตลอดเวลา คุณควรเป็นตัวอย่างที่ดีในการบริหารและให้การบริการที่ดี การต้อนรับลูกค้า การแนะนำสินค้าที่น่าสนใจ ที่มีจุดเด่นที่ร้านอื่นไม่มี ไม่ว่าจะเป็นความหอมสด ใหม่ของกาแฟ ความเข้มข้นของโกโก้ ความอร่อย เย็นชื่นใจของเมนูปั่น จับจุดขายให้ได้และถ่ายทอดให้พนักงานมีความรู้ที่สามารถแนะนำสินค้าให้ถูกใจโดนใจลูกค้า โดยดูพื้นฐานการบริโภคของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นคอกาแฟโบราณ คอเนสกาแฟ หรือกาแฟสด เพศ วัย และเวลา ลูกค้าที่เดินเข้ามาที่ร้านท่านกี่คนก็ตาม บริการให้ได้ทุกคน อย่าเสิร์พเพียง 1 แก้วตามออร์เดอร์เท่านั้น หากคุณมีการนำเสนอที่ดี ลูกค้าย่อมเกิดความสนใจ และคุณก็จะได้ออร์เดอร์(เงิน)เพิ่มแน่นอน เท่ากับเพิ่มยอดขายไปในตัว คุณมีดีอะไรอยู่ในธุรกิจของคุณให้ดึงออกมาใช้ได้เลย เพราะมันสามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงินได้ตลอดเวลา
               3. ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องดื่มอยู่เสมอ ( Test ) โดยการชงชิมเครื่องดืมต่างๆเป็นประจำ ให้ความใส่ใจกับทุกๆรายละเอียดที่มีผลต่อรสชาดของเครื่องดื่ม สอบถามความคิดเห็นของลูกค้าอยู่เสมอ หากมีความผิดพลาดใดๆเราจะสามารถแก้ไขได้ก่อนที่จะไปถึงลูกค้าท่านอื่นๆ ( เช่นพนักงานอาจเผลอลืมล้างขวดบีบนม เกิดกลิ่นเหม็นบูด  , มีคนปรับหมุนความละเอียดของผงกาแฟให้หยาบ จะทำให้กาแฟไม่เข้มข้น )  หรือการเอาเมล็ดกาแฟตามท้องตลาดมาชงให้ลูกค้า  ซึ่งจะมีผลต่อรสชาดของกาแฟทันที ดังนั้นจึงไม่สมควรทำร้ายลูกค้าด้วยกาชงกาแฟถูกๆในท้องตลาดให้กับลูกค้า
               4. ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพมาตรฐานอยู่เสมอ อย่าลดต้นทุนโดยการใช้วัตถุดิบราคาถูก คุณภาพต่ำ ซึ่งจะมีผลโดยตรงกับคุณภาพของเครื่องดื่ม ถ้าลูกค้าบ่นคุณจะทราบ บางคนที่ไม่บ่น แต่เค้าก็จะไม่กลับมาที่ร้านคุณอีกเลยเช่นกัน
               5. ทำโปรโมชันกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง อาจทำคูปองแถมเครื่องดื่ม 5 แก้วแถม 1 แก้ว เพื่อให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการเร็วขึ้น ชวนกันมาทานมากขึ้น จะได้ของแถมเร็วๆ อย่าลืมว่าใครๆก็ชอบของแถมฟรี
               6. มองช่องทางการขายอยู่เสมอ อาจมีบริการพิเศษจัดส่งถึงที่ โดยเฉพาะในกลุ่มหอพัก สถานที่ราชการ บริษัท ธนาคาร ที่มีพนักงานจำนวนมาก พนักงานจะช่วยรวบรวมออร์เดอร์ 5 แก้วส่งฟรีถึงที่ได้เลย หรือหากอยู่ใกล้ร้านอาหาร สปา อินเตอร์เน็ท คาร์แคร์ ร้านทำผม ควรเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีเอาไว้มากๆ อาจขอนำเมนูตั้งโต๊ะไปวางไว้ที่ร้านดังกล่าว เพราะจะมีผลช่วยเพิ่มออร์เดอร์ให้เราได้แน่นอน
               7. เอาใจใส่ ดูแลความสะอาดของร้านอยู่เสมอ ปรับร้านของท่านให้ทันสมัย ดูน่าสนใจ อย่าทิ้งร้านไว้ให้พนักงานดูแล โดยไม่เคยเข้าร้านเลย ถ้าคุณเอาใจใส่ร้านกาแฟสดของคุณ ร้านกาแฟก็จะตอบแทนคุณด้วยรายได้ที่น่าพอใจเช่นกัน

สรุปที่สุดของความสำเร็จสำหรับร้านกาแฟสด
               การสร้างความสำเร็จในธุรกิจ คุณต้องมีจุดดีและจุดเด่นๆที่ไม่เหมือนใคร แต่โดยสรุปแล้ว ไม่ว่าจะสร้างจุดเด่นในลักษณะใดก็ตาม หัวใจหลักๆของความสำเร็จในการทำธุรกิจร้านกาแฟสด สรุปสั้นๆมีอยู่ 2 อันดับความสำคัญด้วยกันดังนี้
               1. ความสำคัญอันดับแรกที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักๆคือ รสชาดของกาแฟ รสชาดต้องอร่อยจริงๆดื่มทุกครั้งต้องอร่อยทุกครั้ง ลูกค้าทุกคนติดใจในความอร่อยของกาแฟร้านของคุณ ถ้าเมนูอื่นๆก็อร่อยไม่น้อยไปกว่ากาแฟ ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มค่าอย่างดีมากๆ ซึ่งจุดนี้คือจุดตายของร้านกาแฟทั่วไปที่ทำแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ ถึงแม้จะลงทุนจำนวนมากมาย แต่ถ้าทำรสชาดของกาแฟให้อร่อยไม่ได้ก็จอดตรงนั้น
                2. ทำเลดี ซึ่งมีความสำคัญเป็นอันดับรองลงมา คุณลองนึกภาพดู ถ้ากาแฟรสอร่อยมากๆ  บวกกับทำเลดีเยี่ยม ถือว่าชัยชนะมาเยี่ยมคุณเรียบร้อยแล้ว ในส่วนเรื่องอื่นๆเป็นเพียงปัจจัยรอง แต่ปัจจัยที่สำคัญหลักๆจะอยู่ที่ ข้อ 1 + 2
                ในบางธุรกิจอย่างเช่น ร้านอาหาร ทำเลที่ตั้งของร้านอาหารไม่เหมาะสมเลย  ระยะทางก็ตั้งอยู่ไกล แต่เขามีจุดเด่นและจุดขายของธุรกิจอยู่ที่ รสชาดของอาหารเป็นหลัก อาหารอร่อยมาก  ซึ่งอาจจะอร่อยเพียงเมนูใดเมนูหนึ่ง หรืออร่อยหลายๆเมนู  ผู้คนก็ยิ่งนิยมมาใช้บริการ  ซึ่งรสชาดความอร่อยเป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้โดยไม่ต้องลงทุนมากมายอะไรเลย ถ้าคุณทำใน 2 ข้อหรือ 2 จุดนี้ได้ ถือว่าคุณได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน

 

สิ่งที่ควรทราบในการเปิดร้านกาแฟ

 

กาแฟที่มีชื่อเสียง
                  กาแฟ คอฟฟาลิกา จะเป็นกาแฟ  ที่มีชื่อเสียงของทางยุโรป กาแฟโคลัมเบียก็เป็นกาแฟ   ที่มีชื่อเสียงมากของโลก และที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ก็คือ บลูเม้าเทน ก็มาจากจาไมก้าซึ่งผลิตได้น้อย แต่ก็มีชื่อเสียงมาก กาแฟฮาราก็ปลูกมากที่ประเทศเอธิโอเปีย กาแฟชวาก็ปลูกมากที่อินโดนีเซีย ส่วนกาแฟมอคค่าก็มีแหล่งปลูกที่ประเทศเยเมน
 กาแฟที่มีชื่อเสียง

กาแฟไทย
                  กาแฟถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน    ประเทศไทยผลิตกาแฟได้มากในแถบเอเชีย ซึ่งมีผลผลิตเป็นรองจากเวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งเมื่อเทียบกับผลผลิตของโลกทั้งหมด เราสามารถผลิตประมาณ 8 หมื่นตัน/ปี คิดเป็น 1.2-1.3% ของทั้งหมดเท่านั้น แต่ผลผลิต 90-95%   เป็นสายพันธุ์โรบัสต้า กาแฟที่ผลิตได้เราบริโภค ภายในประเทศ 30,000 – 50,000 ตัน  ที่เหลือประมาณ 50,000 – 55,000 ตัน     จะส่งออกขายไปยังประเทศ อเมริกา เกาหลี เนเธอแลนด์ ญี่ปุ่น และโปแลนด์ เป็นต้น ซึ่งการส่งออก มีทั้งประเภทที่แปรรูปแล้ว   และส่งเป็นเมล็ดกาแฟ ที่มีโรงงานกาแฟยี่ห้อดัง ๆ อยู่ตามจังหวัดภาคใต้ ที่เปิดบริษัทรับซื้อเมล็ดกาแฟ แล้วนำมาคั่วบด หรือทำเป็นกาแฟสำเร็จรูปส่งจำหน่าย การปลูกกาแฟในประเทศไทย มีมานานกว่า 20 ปีแล้ว

ตลาดกาแฟ
              การจำหน่ายกาแฟ จะแบ่งเป็น 3 กลุ่มด้วยกันคือ
             1. กาแฟคั่วบด คือกาแฟสำหรับตลาดระดับบน เป็นกาแฟเมล็ดที่คั่วแล้ว และนำมาบดชงให้ลูกค้าดื่ม ในการทำธุรกิจตลาดนี้มักใช้ สายพันธ์อาราบิก้า นำมาคั่วบดซึ่งจะมีความหอมชวนดื่มมากกว่า     ธุรกิจตลาดระดับพรีเมี่ยมนั้นเกิดมาเมื่อ 7 ปีที่แล้ว แต่มาในช่วง 2-3 ปีหลังนี้มีการขยายตัวชัดเจนและเร็วมากกว่า 6 เท่าตัว เมื่อเทียบกับปี 2540 ธุรกิจนี้กำลัง อยู่ในกระแสนิยมเป็นแฟชั่น   ซึ่งตลาดยังเปิดกว้าง     แต่ประเด็นสำคัญสำหรับผู้ที่สนใจธุรกิจนี้จะต้องตระหนัก ก็คือจำนวนกลุ่มเป้าหมายมีน้อย ซึ่งเป็นกลุ่มคนชั้นกลางขึ้นไป     ซึ่งมีเพียงร้อยละ 20     ของประชากร ซึ่งนับว่า เป็นจุดที่มีความเสี่ยงในการลงทุน  ดังนั้นก่อนที่คุณจะเปิดร้านจะต้องมีการทำการศึกาพฤติกรรมของผู้บริโภค ในบริเวณนั้นให้แน่ใจเสียก่อนว่า จะมีกลุ่มเป้าหมายเข้ามาใช้บริการร้านของคุณมากพอ   คุ้มค่ากับการลงทุนของคุณหรือไม่ นอกจากนี้ภาวะการแข่งขัน เป็นอีกข้อหนึ่งที่คุณต้องคิดถึง เพราะถ้าหากมีร้านกาแฟระดับพรีเมี่ยมที่มีทุนสูงและมีความสามารถในการดำเนินงานที่ดีกว่า จะทำให้การแข่งและเกิดความเสี่ยงเช่นกัน   ถึงแม้ตลาดนี้ยังมีโอกาสที่กว้างอยู่ แต่การแข่งขันจะทำให้เกิดการคัดเลือกเฉพาะรายที่ดีที่สุด และมีจุเด่นของตัวเอง เท่านั้นที่จะอยู่ได้
            2. กาแฟผงสำเร็จรูป เป็นกาแฟผงที่ใช้ชงกันตามบ้าน ซึ่งมีการบริโภคกันมากที่สุด
            3. กาแฟพร้อมดื่ม คือกาแฟกระป๋อง 

 ปัจจัยที่มีผลต่อรสชาติของกาแฟ
             ถ้าหากร้านของคุณจะชงกาแฟได้อร่อยกว่าร้านของคนอื่น คุณจะต้องทราบว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อรสชาติของกาแฟ ซึ่งก็มี 5 ส่วนก็คือ
–  ชนิดของกาแฟ
–  การคั่วบด
–  วิธีการชง
–  ส่วนผสมพิเศษต่าง ๆ หรือ สูตรกาแฟ
–  การเก็บรักษา

แนวทางในการทำร้านกาแฟ 
            การสรุปความคิดรวบยอดในการออกแบบร้าน  ซึ่งเป็นความต้องการหลักของเจ้าของร้าน มารวมกับหลักการและแนวทางในการออกแบบ  เพื่อสร้างบรรยากาศและรูปลักษณ์ร้านให้ดูน่าเชื่อถือ คือให้ความรู้สึกที่ดี โดยจะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลัก ๆ ดังนี้

            กลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มไหน
               1.แบ่งตามกลุ่มคน
                        กลุ่มคนวัยทำงาน เป็นกลุ่มที่บริโภคกาแฟกลุ่มใหญ่ และเป็นกลุ่มสำคัญ โดยส่วนใหญ่เป็นคนทำงาน คนที่ชอบดื่มกาแฟรองลงไปจะเป็นนักเรียนและแม่บ้าน เป็นต้น ในบรรดากลุ่มคนที่กล่าวมาข้างต้นนั้น กลุ่มคนทำงานเป็นผู้บริโภคกาแฟจำนวนมากที่สุด โดยคิดเป็นสัดส่วนได้ประมาณ  80%  ของผู้บริโภคทั้งหมด สาเหตุสำคัญคือคนทำงานนิยมการชิมรสชาติ และเหนื่อยจากทำงานหนักจึงต้อ งการผ่อนคลายและหาความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ดังนั้นร้านกาแฟที่เงียบสงบสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายจืงเป็นพื้นที่ให้คนทำงานได้ระบายความรู้สึกและครุ่นคิดได้อย่างเงียบๆ อีกเหตุผลหนึ่งคือเรื่องบางเรื่องไม่สะดวกที่จะพูดคุยในที่ทำงาน   ร้านกาแฟจืงกลายเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการพูดคุยและติดต่อสื่อสาร สาเหตุต่อมาที่สำคัญที่สุดก็คือคนทำงานมีรายได้ที่แน่นอนมั่นคง  จึงมีความสามารถในการบริโภคค่อนข้างสูง แขกที่ชอบกาแฟจริงๆ และเข้าใจการลิ้มรสกาแฟและ ยินดีที่จะจ่ายเงิน เพื่อดื่มกาแฟที่อร่อยนั้น มีอยู่เพียงแค่ 1 %เท่านั้น  สำหรับกลุ่มนักเรียนนั้นมีกำลัง  ในการบริโภคต่ำแม่บ้านก็เน้นการฆ่าเวลาเป็นหลัก กลุ่มคนเหล่านี้จึงมีสัดส่วนที่ยังน้อยลงไปอีกในตลาดกาเเฟ
              2.แบ่งตามอายุ
                        ผู้บริโภคหลักจะอยู่ในช่วงอายุ 25-45 ปี หากจะดูช่วงอายุของผู้บริโภคกาแฟภายในประเทศแล้ว โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุ 20-40 ปี คนที่อายุ 40-60 ปีนั้น  เนื่องจากต้องระมัดระวังเรื่องสุขภาพ เช่นว่าถ้าดื่มกาแฟตอนกลางคืนแล้วจะนอนไม่หลับ ดังนั้นสัดส่วนการดื่มกาแฟจึงน้อยลงมาก สรุปแล้วผู้บริโภคกาแฟหลักๆ ก็คือกลุ่มคนทำงานในช่วงอายุ   25-45 ปี ซึ่งมีรายได้จากการทำงาน
              3.แบ่งตามเพศ
                        คนที่นิยมดื่มกาแฟเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เพราะปัจจุบันผู้หญิงมีรายได้เป็นของตัวเองและมีความสามารถ โดดเด่น ส่วนใหญ่จึงตอบรับกระแสนิยมมากกว่าผู้ชาย และความต้องการในการบริโภคอาหารรวมถึงความบันเทิงก็มีมากกว่าผู้ชายด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อมองโดยภาพรวมแล้วอัตราส่วนของผู้หญิงที่บริโภคกาแฟจึงมีมากกว่าผู้ชายอย่างชัดเจน
              4.แบ่งตามอาชีพ
                        
กำลังซื้อหลัก มาจากอาชีพด้านศิลปะ ธุรกิจและวัฒนธรรม แต่เดิมนั้นนักดนตรีและคนที่ชอบดนตรีก็เป็นคนกลุ่มใหญ่ที่ชอบดื่มกาแฟ ผู้คนในสาขาอาชีพตางๆ เช่น คนที่ทำงานด้านวัฒนธรรมทั้งดนตรี ศิลปะ นักออกแบบ งานบันเทิงและงานสาธารณะ   เป็นต้น คนเหล่านี้ต้องการความเงียบสงบในการครุ่นคิด พิจารณา คิดค้น   และค้นหาแรงบันดาลใจ ดังนั้นพวกเขาจึงกลายเป็นแขกประจำของร้านกาเเฟ  นอกจากนี้นักธุรกิจที่เร่งรีบอยู่ภายนอกสำนักงาน รวมถึงผู้บริหารระดับสูงที่ต้องติดต่อการค้าก็เป็นกลุ่มผู้บริโภคหลักของร้าน กาแฟ เช่นกัน
              5.แบ่งตามระดับการศึกษา
                        
คนที่มีการศึกษายิ่งสูงยิ่งชอบดื่มกาแฟ  ผู้บริโภคที่มีการศึกษาสูง ก็จะยิ่งมีระดับการยอมรับวัฒนธรรมตะวันตกได้มาก  โดยเฉพาะคนที่เคยไปศึกษาที่ต่างประเทศ และคนที่เคยไปต่างประเทศ จะได้รับอิทธิพลด้านวัฒนธรรมการกินดื่ม    เเละการใช้วิตของชาวต่างชาติ โดยส่วนใหญ่จะชอบดื่มกาแฟหรือไม่ก็ดื่มกาแฟเป็นประจำ นอกจากนี้คนที่มีการศึกษาสูงกมีโอกาสทำงานที่ดีและมีรายได้สูง  ดังนั้นจึงค่อนข้างมีความสามารถในการบริโภคเเละมีอุปสงค์ต่อกาแฟ ค่อนข้างมากตามไปด้วย

            การเลือกสถานที่  ก็เป็นส่วนสำคัญในการเปิดร้าน ถ้าอยู่ในย่านธุรกิจก็จะทำให้มีจุดขายดี รวมกับการตกแต่งร้านที่ดี

            งบประมาณ จะเป็นตัวกำหนดว่าจะได้ร้านขนาดไหน รูปแบบแค่ไหน

            สินค้าที่ขาย  ดูว่ามีสินค้าร่วมในการขายอะไรบ้าง เช่น เบเกอรี่ เหล่านี้คือปัจจัยหลัก ๆ ในการประกอบแบบ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้การออกแบบมีความสมบูรณ์และลงตัว

            ชนิดของร้านกาแฟ
                        ถ้าพูดถึงชนิดของร้านกาแฟแล้ว ปัจจุบันนี้มีมากมายหลายชนิด หลายขนาด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ ความต้องการของผู้ที่จะเปิด และงบประมาณที่จะเป็นตัวกำหนดชนิด ขนาดของร้านกาแฟนั้น ๆ  คงไม่สามารถแยกละเอียดได้ แต่เราจะพูดถึงชนิด  ขนาดลักษณะหลัก ๆ ที่เราเห็นกันทั่วไป
เริ่มจาก
                        1. ขนาดเล็ก ๆ พื้นที่ 1 เมตร ถึง 2 เมตร เป็นเหมือนรถเข็น สามารถเคลื่อนที่ได้ ขายกาแฟซึ่งจะเน้นขายกาแฟเป็นตัวหลัก  สถานที่ที่พบส่วนมากก็ตามตลาดท้องถนน และปัจจุบันมีการออกแบบหน้าตาให้ดีขึ้น และมาอยู่ในพื้นที่ของศูนย์การค้า ตามมหาวิทยาลัยตามย่านธุรกิจ   ซึ่งขนาดของร้านถือว่า เป็นการใช้งบประมาณ  ลงทุนไม่สูงเกินไปในการเริ่มต้น
                       2. ขนาดกลาง ซุ้มขนาดพื้นที่ 2 -20 ตารางเมตร ส่วนมากจะเป็นแบบที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้  ซึ่งเน้นขายกาแฟ แต่ก็ขณะเดียวกันก็อาจมีสินค้าอื่นร่วมด้วย เช่น เครื่องดื่มประเภทต่าง ๆ นม ฯลฯ รวมถึงเบเกอรี่ ฯลฯ   พื้นที่หรือชนิดร้านขนาดนี้สามารถที่จะมีมุมให้ลูกค้านั่งได้ อาจเคาน์เตอร์บาร์เล็ก ๆ  ชุดโต๊ะนั่งทาน 2 – 3 คน หรือถ้ามีเนื้อที่รอบร้านเยอะ ๆ ก็สามารถจัดโต๊ะเพิ่มได้อีก สถานที่ที่พบส่วนมาก ร้านชนิดนี้จะพบตามศูนย์การค้า มินิมาร์ท ปั๊มน้ำมัน ตามแหล่งธุรกิจ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสถานที่เป็นหลัก ถ้างานภายในก็อาจเป็นเคาน์เตอร์ และมีที่นั่งหลายชุด ถ้าเป็นงานข้างนอก ก็อาจจะเป็นซุ้ม หรือมีหลังคากันแดดฝน ขนาดของร้านนี้ก็ใช้งบประมาณลงทุนมากกว่าขนาดแรก
                       3. ขนาดใหญ่ ร้านกาแฟที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 20 ตารางเมตร ขึ้นไป ชนิดของร้านขนาดใหญ่นี้ ค่อนข้างจะมีความหลากหลายของสินค้า มีให้เลือกเยอะขึ้น เช่น กาแฟก็มีรสชาติมากขึ้น ร้อน – เย็น – ปั่น ฯลฯ ส่วนมากจะขายคู่กับเบเกอรี่ ร้านขนาดใหญ่จะมีสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาเป็นช่วง ๆ เพื่อเป็นจุดขายเพิ่มสีสัน  รสชาติ และการ Design ในร้านขนาดใหญ่นี้ จะค่อนข้างสำคัญมาก ๆ เพราะถ้าร้านใหญ่  แต่ภายในออกแบบไม่ดึงดูดก็จะทำลายจุดขายได้ เพราะพฤติกรรมลูกค้าที่จะเข้ามาในร้าน ส่วนมากไม่ได้มานั่งดื่มหมดแล้วเดินไป แต่มานั่งคอยติดต่องาน ทำงานซึ่งถ้าเข้ามาแล้วให้ความรู้สึกที่ดีต่อลูกค้าแล้ว จะทำให้ลูกค้ามาบ่อยขึ้น และร้านกาแฟขนาดใหญ่นี้ยังต้องมีองค์ประกอบอื่น ๆ มาช่วยด้วย เช่น มีอินเตอร์เน็ท ซึ่งเราจะเห็นกันมากในอินเตอร์เน็ท  ซึ่งเราจะเห็นกันมากในอินเตอร์เน็ทคาเฟ่ ในบ้านเรา ปัจจุบันจึงมีเกิดขึ้นมากมาย สถานที่ที่เราจะพบร้านขนาดใหญ่ส่วนมากตามพื้นที่ศูนย์การค้า ออฟฟิศ แหล่งธุรกิจแหล่งท่องเที่ยว แหล่งชุมชน ฯลฯ ซึ่งจะอยู่ภายในตัวอาคารมากกว่า

งบประมาณการลงทุนคร่าว ในการออกแบบตกแต่งร้าน
            ชนิดขนาดเล็ก              ค่าออกแบบและตกแต่งประมาณ 25,000-50,000 บาท
            ชนิดขนาดกลาง            ค่าออกแบบและตกแต่งประมาณ 150,000-500,000 บาท
            ชนิดขนาดใหญ             ค่าออกแบบและตกแต่งประมาณ 500,000 บาทขึ้น
            จริง ๆ แล้ว ชนิดหรือขนาดของร้านนั้นมีมากกว่า ที่กล่าวมาข้างต้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลัก ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่หลัก ๆ ก็คือ งบประมาณ จะเป็นตัวกำหนดชนิดหรือขนาดของร้านนั้น ๆ

การพิจารณาค่าใช้จ่ายในการออกแบบ  ปัจจัยในการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการออกแบบ
            1. กลุ่มลูกค้า – ทำเล
             
เช็คว่าลูกค้ากลุ่มไหน คือ เรารู้ว่าเราขายใคร คนกลุ่มไหน เราสามารถรู้พฤติกรรม ความต้องการได้ไม่ยาก และปรับเข้าหาลูกค้า เพราะกลุ่มลูกค้าก็จะเป็นตัวกำหนดราคาสินค้าของเราได้ ทำเลก็มีผลต่อการออกแบบ คือต้องให้สอดคล้องกับย่านนั้น ๆ หรือมีเอกลักษณ์ที่ไม่ขัดแย้งกับกลุ่มลูกค้า


            2.  ขนาดของร้าน + งบประมาณ
            เมื่อเราได้กำหนดขนาดความชัดเจนของร้าน แล้วกับงบประมาณที่ตั้งไว้อย่างชัดเจน
            3.สินค้าในงานมีอะไรบ้าง
            เช่น มีกาแฟกี่ประเภท อะไรบ้าง มีอะไรเข้ามาร่วมด้วย เช่น ขนมปังปิ้ง – นม ฯลฯ เมื่อเราได้ข้อมูลหรือ Concept แล้ว ก็มาดูเรื่อง Style หรือรูปแบบที่ชอบและสนใจ สีสันรายละเอียดต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นข้อมูลในการออกแบบวัสดุ อุปกรณ์ในการตกแต่ง

อะไร ที่เป็นตัวผันแปรของค่าใช้จ่ายในการออกแบบ 
          วัสดุในการตกแต่งก็เป็นปัจจัยที่กำหนดค่าใช้จ่าย เพราะราคาสูง-ต่ำ ขึ้นอยู่กับวัสดุด้วย ถ้าจะให้ดูสวยงามก็เลือกใช้แบบดีหน่อย ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นรวมถึงความแข็งแรงด้วย วัสดุจึงเป็นตัวแปรค่าใช้จ่ายในการออกแบบของด้วย รายละเอียดต่าง ๆ ในการออกแบบ เช่น รายละเอียดในการใช้งาน คือ ความต้องการของเจ้าของร้าน ที่อยากให้ร้านสามารถทำโน่น-นี่อะไรได้มาก ๆ เพิ่ม Function การใช้งานก็จะเป็นตัวแปรที่จะเพิ่มค่าใช้จ่ายในการออกแบบ เมื่อเราได้ข้อมูล หรือ คอนเซ็ปท์ แล้วก็มาดูเรื่องสไตล์ หรือรูปแบบที่สนใจ สีสันรายละเอียดต่าง ๆ เหล่านี้ จะเป็นข้อมูลในการออกแบบ วัสดุ อุปกรณ์ในการตกแต่ง

สไตล์ในการตกแต่งร้านกาแฟ
          ไม่ได้มีข้อจำกัดตายตัวว่าจะเป็นสไตล์ไหน เพราะมีมากมายหลากหลายขึ้นอยู่กับความเหมาะสม แต่หลักที่เราพบเห็นส่วนใหญ่ ร้านกาแฟส่วนมากจะนิยมกัน ซึ่งจะยกตัวอย่างให้เห็นกัน 2 สไตล์
                      1.สไตล์แนวธรรมชาติ บรรยากาศสบาย ๆ (Country) 
                      ที่ใช้ตกแต่งส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุจาก ธรรมชาติไม้ หิน ทราย หรือ แม้แต่โทนสีที่ใช้ก็ใกล้เคียงกับธรรมชาติ เหมือนจำลองธรรมชาติเข้ามาไว้ในร้าน บรรยากาศจะสบาย ๆ สไตล์นี้จึงเหมาะกับร้านที่อยู่ตามท้องถิ่น – ชานเมือง มากกว่าในเมือง แต่ก็สามารถอยู่ในเมืองได้ ก็ต้องออกแบบให้สอดคล้องกับสถานที่นั้น ๆ


                      2.แนวสมัยใหม่ ๆ (Modern) 
                      งานแนวนี้ ปัจจุบันจะเห็นมาก เพราะสามารถปรับใช้ให้กลมกลืนกับงานทั่วไปได้ วัสดุที่ใช้ก็มีมากมายหลากหลาย ทั้งไม้ ทั้งโลหะ ฯลฯ มีลูกเล่นมาก สไตล์นี้จะเน้นความเรียบง่าย + การตัดทอนงานให้ดูลงตัว โดยใช้สีเป็นตัวหลัก
                       – สีอ่อน สว่างสดใส ดูเบา ๆ สบาย ๆ
                       – สีเข้ม ให้มีน้ำหนัก จุดเน้น จุดรอง
ดังนั้นสไตล์ในการออกแบบจึงไม่มีข้อสรุปตายตัว ขึ้นกับความเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการ

กลยุทธ์การเพิ่มเงินในกระเป๋าสำหรับเจ้าของร้านกาแฟและทุกธุรกิจ
          ทุกๆธุรกิจจะมีจุดเด่นและจุดขายที่แตกต่างกันออกไป และทุกธุรกิจก็มีความจำเป็นที่ต้องสร้างจุดขายและจุดเด่นให้กับธุรกิจของตัวเอง ทั้งนี้เพื่อดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการและเป็นที่นิยมชมชอบของลูกค้านั่นเอง จะดึงดูดหรือมัดใจลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับเทคนิคและกลยุทธของเจ้าของธุรกิจที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจที่ทำ และเป็นการเพิ่มประโยชน์ให้กับผู้บริโภคหรือลูกค้าไปในตัว
          ธุรกิจร้านกาแฟก็เช่นเดียวกัน  จำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องเร่งสร้างจุดเด่นและจุดขายเพื่อดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการ  สิ่งที่จะต้องเติมเต็มให้กับธุรกิจร้านกาแฟก็เป็นสิ่งพื้นฐานทั่วไปที่เรามองข้าม  บุคคลิกคือโชคชะตาที่จะเป็นตัวนำเงินทองมาให้เรา  ดังนั้นเราสามารถนำมาประยุกต์ให้เข้ากับธุรกิจร้านกาแฟได้
                บุคคลิกข้อที่ 1  เริ่มต้นที่ตัวเจ้าของเองหรือผู้ที่ดูแลลูกค้าและหน้าร้าน  การแต่งตัวที่เหมาะสมสะอาดตา สมดุลกับหน้าร้าน หน้าตาต้อนรับมีมิตรไมตรีกับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ การทักทายกับลูกค้าที่เป็นกันเอง ที่สำคัญกิริยามารยาทดี มีหัวใจในงานบริการ   ทักทายและสวัสดีรวมถึงขอบคุณลูกค้าทุกๆครั้งที่เข้าร้าน  บุคคลิกเหล่านี้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมี เพราะร้านกาแฟสดจะมีเสน่ห์ได้ตรงหัวใจการบริการลูกค้า
                 บุคคลิกข้อที่ 2 สินค้าดี นั่นคือกาแฟ ต้องมีคุณภาพดี ไม่เก่าเก็บ ทำด้วยความปราณีต  ทุกๆคนต้องการบริโภคแต่ของดีๆมีคุณภาพด้วยกันทั้งนั้น   ดังนั้นเจ้าของร้านกาแฟก็ควรใช้สูตรนี้ในการนำกาแฟมอบให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ สินค้าดีจะเริ่มต้นตั้งแต่การคัดเลือกกาแฟ  การเก็บกาแฟ  การคั่วกาแฟ  การบดกาแฟ  การชงกาแฟ  การเสิร์ฟกาแฟ การนำเสนอกาแฟต่อลูกค้า ฯลฯ ขั้นตอนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญต้องพิถีพิถัน  นี่คือบุคคลิกที่ดีต่อสินค้า
                 บุคคลิกข้อที่ 3     การจัดการและการบริหารหน้าร้านกาแฟให้มีจุดเด่นและสดุดตา  การวางอุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆแต่ละจุดนั้นมีความหมาย ถ้าวางไม่ถูกจุดก็อาจจะทำให้เสียบุคคลิกหน้าร้านกาแฟไปเลย  ดังนั้นการจัดหน้าร้านจึงมีความสำคัญไม่น้อย ทิศทางของร้านกาแฟให้ออกสู่สายตาลูกค้า มองเห็นได้ง่าย มองแล้วเด่นดูดี ไม่รกหูรกตา ไม่มีอะไรมาบดบังหน้าร้าน หรือเกะกะบนเคาน์เตอร์ ความสะอาดเป็นเยี่ยม แก้วกาแฟและเมล็ดกาแฟปิดมิดชิดไม่ให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกเข้าได้ อุปกรณ์ต่างๆสะอาดสะอ้าน เป็นที่เจริญตาแก่ผู้ที่ได้พบเห็น
          สิ่งที่ต้องจดจำไว้ตลอดเวลาก็คือ คุณกำลังทำการค้าขาย การที่จะขายให้ได้ดี ขายให้เป็น ต้องมีจุดเด่น จุดขาย ของตัวเอง   ร้านกาแฟที่ประสบผลสำเร็จ = สินค้าดีเยี่ยม + บริการดีเยี่ยมเป็นหนึ่ง   
          รักษาฐานลูกค้าเดิมอย่างเหนียวแน่น และเพิ่มเติมลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ